จากยากินสู่ยาฉีด ยุคใหม่ ของการใช้ PrEP เพื่อป้องกันเอชไอวี
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ก้าวหน้าอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้ PrEP หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม รูปแบบของ PrEP ที่ใช้อยู่เดิมส่วนใหญ่ยังเป็นแบบรับประทานรายวัน ซึ่งแม้จะได้ผลดี แต่ก็มีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ความต่อเนื่องในการใช้ยา ความสะดวกในชีวิตประจำวัน และการยอมรับทางสังคม
ในปี 2025 นี้ โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการป้องกันเอชไอวี ด้วยนวัตกรรม PrEP แบบฉีด ที่สามารถให้ผลลัพธ์ในการป้องกันที่สูงขึ้น ใช้งานสะดวกขึ้น และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ และผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง

PrEP คืออะไร?
PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ เป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านสาธารณสุขที่เปลี่ยนแปลงวิธีการป้องกันเอชไอวีในระดับบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM), คนข้ามเพศ, ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด, และคู่นอนของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
ก่อนหน้านี้ PrEP มีให้ใช้ในรูปแบบยาเม็ดรับประทานรายวัน เช่น Tenofovir disoproxil fumarate/emtricitabine (TDF/FTC) ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีได้มากกว่า 99% หากใช้อย่างสม่ำเสมอ
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงการแพทย์ได้พัฒนา PrEP แบบฉีด (Long-Acting PrEP) ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยเพิ่มความสะดวก ลดภาระในการกินยาทุกวัน และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของเอชไอวีในระดับโลก
ปัญหาของ PrEP แบบเม็ด
แม้ PrEP แบบเม็ดจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โดยมีงานวิจัยมากมายยืนยันว่า หากใช้อย่างถูกต้อง และต่อเนื่องสามารถลดความเสี่ยงได้มากกว่า 99% แต่ในทางปฏิบัติ กลับพบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ ไม่สามารถใช้อย่างมีประสิทธิผลได้จริง เนื่องจากปัจจัยทั้งทางสังคม พฤติกรรม และสุขภาพส่วนบุคคล ซึ่งกลายเป็นเหตุผลหลักที่ผลักดันให้นักวิจัยทั่วโลกหาทางออกที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
ต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้สูตร on demand อย่างเคร่งครัด
PrEP แบบเม็ดจำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องทุกวัน หรืออย่างน้อยที่สุดต้องใช้ตามสูตร on demand ที่ต้องกินก่อนมีเพศสัมพันธ์ 2 เม็ด จากนั้น 1 เม็ดในวันถัดมา และอีก 1 เม็ดในวันถัดไป รวมเป็น 4 เม็ดต่อหนึ่งครั้งของความเสี่ยง
รูปแบบนี้อาจฟังดูไม่ซับซ้อน แต่ในความเป็นจริง ต้องอาศัยวินัยสูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่แน่นอน หรือไม่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ การลืมกินเพียงไม่กี่ครั้งอาจทำให้ระดับยาในกระแสเลือดลดลง และทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันเอชไอวีลดลงทันที
ในบางคน การใช้ยาอย่างไม่สม่ำเสมอไม่เพียงแต่ลดผลของ PrEP แต่ยังอาจส่งผลต่อความไว้วางใจในประสิทธิภาพของยา จนนำไปสู่การหยุดใช้โดยไม่ปรึกษาแพทย์
เสี่ยงลืมกินยา และผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกัน
ผู้ที่ใช้ PrEP แบบเม็ดเป็นประจำต้องอาศัยความรับผิดชอบส่วนตัวอย่างสูง การลืมกินยา 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์อาจทำให้ระดับยาในร่างกายต่ำกว่าที่ต้องการในการป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้จะอยู่ในช่วงเสี่ยงแม้จะคิดว่าตนเองกำลังได้รับการป้องกัน
งานวิจัยจำนวนมากพบว่า adherence หรือ การปฏิบัติตามการใช้ยา เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำให้ PrEP ได้ผล หากผู้ใช้ไม่สามารถรักษาการใช้ยาให้สม่ำเสมอ ก็อาจได้รับการปกป้องที่ต่ำกว่าที่ควร ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตจริง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน คนที่มีไลฟ์สไตล์ไม่แน่นอน หรือคนที่ใช้สารเสพติด
ผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อการใช้ในระยะยาว
ถึงแม้ยา PrEP ส่วนใหญ่จะปลอดภัยในภาพรวม แต่ก็มีผู้ใช้บางคนที่ประสบกับผลข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็น
- อาการคลื่นไส้ ปวดหัว หรืออ่อนเพลีย โดยเฉพาะในช่วงเริ่มใช้ยา
- ผลต่อการทำงานของไต โดยเฉพาะหากใช้ยา TDF ต่อเนื่องในระยะยาว
- ลดความหนาแน่นของกระดูกในบางกรณี แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็อาจมีผลในผู้สูงอายุ
ผลข้างเคียงเหล่านี้อาจไม่เกิดในทุกคน แต่สำหรับบางคนก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องหยุดยา PrEP แบบเม็ด หรือลังเลที่จะเริ่มต้นใช้งาน
อุปสรรคทางสังคม และวิถีชีวิต ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าถึง PrEP ได้ง่าย
การใช้ PrEP แบบเม็ดต้องอาศัย ความมั่นคงทางสังคม และสภาพแวดล้อมที่เอื้อ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนมี ตัวอย่างของกลุ่มที่เผชิญปัญหาในการเข้าถึง และใช้ PrEP แบบเม็ดอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- คนไร้บ้าน หรือคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยแน่นอน ไม่สามารถเก็บรักษายาได้ หรือไม่มีเวลา และความเป็นส่วนตัวในการกินยา
- คนทำงานกลางคืน เช่น พนักงานบริการทางเพศ ซึ่งมีเวลานอนพักผ่อนไม่เป็นปกติ จึงอาจลืมกินยาหรือกินไม่ตรงเวลา
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวล อาจมีปัญหาด้านความต่อเนื่องในการดูแลสุขภาพตนเอง
ในกรณีเหล่านี้ PrEP แบบเม็ดอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด และการมีทางเลือกอื่น เช่น PrEP แบบฉีด ที่ไม่ต้องใช้ทุกวัน จะช่วยเติมเต็มช่องว่างในระบบป้องกันโรคเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยาฉีด Cabotegravir LA: จุดเปลี่ยนสำคัญของ PrEP
ในโลกของการป้องกันเอชไอวี การพัฒนายา PrEP แบบฉีดถือเป็นการปฏิวัติแนวทางการดูแลสุขภาพทางเพศอย่างแท้จริง และ Cabotegravir Long-Acting (CAB-LA) คือ “ผู้เปลี่ยนเกม” ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับทั้งวงการแพทย์ และสาธารณสุขทั่วโลก
Cabotegravir LA คืออะไร?
Cabotegravir LA เป็น ยาต้านไวรัสชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบบออกฤทธิ์ยาว ที่พัฒนาโดยบริษัท ViiV Healthcare โดยได้รับการรับรองจากองค์การอาหาร และยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ในเดือนธันวาคม ปี 2021 ให้ใช้เป็นยา PrEP สำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยฉีดเพียง ทุก 2 เดือน หรือ ทุก 8 สัปดาห์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ PrEP ที่ผู้ใช้งานไม่ต้องพึ่งพายาเม็ดที่ต้องกินทุกวันอีกต่อไป
จุดเด่นของ Cabotegravir LA ที่เปลี่ยนอนาคตของ PrEP
- ฉีดเพียงทุก 8 สัปดาห์ ไม่ต้องกินยาทุกวัน
- นี่คือข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของ Cabotegravir LA: การลดภาระของผู้ใช้ในการต้องจดจำหรือกินยาเป็นประจำทุกวัน เมื่อผู้ใช้เข้ารับการฉีดยาทุก 2 เดือนในคลินิก ความเสี่ยงจากการ “ลืมกินยา” แทบจะถูกตัดออกไปโดยสิ้นเชิง
- ผู้ที่มีตารางชีวิตไม่แน่นอน เช่น คนทำงานกะดึก ผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย หรือคนที่ไม่สามารถพกยาติดตัวได้ตลอดเวลา จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากทางเลือกใหม่นี้
- ลดโอกาสลืมใช้ยา เพิ่มความมั่นใจในการป้องกัน
- ปัญหาสำคัญของ PrEP แบบเม็ดคือ “adherence” หรือความต่อเนื่องในการใช้ยา ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อเอชไอวี Cabotegravir LA ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด เพราะไม่ต้องใช้ความพยายามส่วนตัวในระดับสูง เพียงแค่รับการฉีดยาทุก 2 เดือนจากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
- การลดภาระจากการต้องจดจำ จะช่วยสร้างความ มั่นใจต่อเนื่อง ให้กับผู้ใช้ และลดความรู้สึกผิดหากลืมกินยาแบบเดิมอีกต่อไป
- ไม่มีผลข้างเคียงต่อไต หรือลดความหนาแน่นของกระดูก
- Cabotegravir มีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาที่แตกต่างจากยา TDF (Tenofovir disoproxil fumarate) ซึ่งเป็นยาหลักใน PrEP แบบเม็ด โดยเฉพาะในแง่ของ ความปลอดภัยในระยะยาว
- ไม่พบว่ามีผลกระทบต่อการทำงานของไต
- ไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าลดความหนาแน่นของกระดูก
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไตหรือความกังวลเรื่องสุขภาพกระดูก เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรัง
- สิ่งเหล่านี้ทำให้ Cabotegravir LA เป็นทางเลือกที่ “ปลอดภัย” สำหรับกลุ่มผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนด้านสุขภาพ และต้องการลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยาในระยะยาว
- ประสิทธิภาพสูงกว่า PrEP แบบเม็ดจากงานวิจัยระหว่างประเทศ
- Cabotegravir LA ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือกที่สะดวกกว่า แต่ยังแสดงให้เห็นถึง ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า จากงานวิจัยระดับนานาชาติ
- HPTN 083: ศึกษาในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และหญิงข้ามเพศ พบว่า Cabotegravir LA ลดอัตราการติดเชื้อได้ดีกว่ากลุ่มที่ใช้ TDF/FTC ถึง 66%
- HPTN 084: ศึกษาในกลุ่มผู้หญิงในแอฟริกาตอนใต้ พบว่า Cabotegravir LA ลดการติดเชื้อได้มากกว่ายาเม็ดถึง 89%
- ทั้งสองการศึกษานี้ถูกยกย่องว่าเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนแนวทางการป้องกันเอชไอวี และเป็นแรงผลักดันให้ WHO และองค์การสาธารณสุขทั่วโลกเริ่มพิจารณาการบรรจุ Cabotegravir LA ไว้ในแนวทางการรักษา และป้องกันอย่างเป็นทางการ
- Cabotegravir LA ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือกที่สะดวกกว่า แต่ยังแสดงให้เห็นถึง ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า จากงานวิจัยระดับนานาชาติ
ใครเหมาะกับ PrEP แบบฉีด?
กลุ่มที่อาจได้ประโยชน์สูงจาก PrEP แบบฉีด ได้แก่
- คนที่ลืมกินยาเม็ดบ่อย ๆ
- คนที่มีไลฟ์สไตล์ยุ่ง เดินทางบ่อย
- คนที่ไม่สะดวกพกหรือกินยาในที่สาธารณะ
- กลุ่มเยาวชน LGBTQ+ ที่ไม่สามารถเปิดเผยการใช้ PrEP กับครอบครัว
- คนไร้บ้าน หรือคนในระบบยุติธรรม
PrEP แบบฉีดอาจช่วยปิดช่องว่าง ของคนที่หลุดออกจากระบบป้องกันในรูปแบบเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสะดวก และผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้ยา
หนึ่งในข้อได้เปรียบสำคัญของ PrEP แบบฉีดคือความ สะดวกในการใช้
- ไม่ต้องกินยาทุกวัน
- ไม่ต้องพกยาเม็ดเมื่อเดินทาง
- ลดความอายหรือความเครียดจากการกินยาในที่สาธารณะ
- ช่วยผู้ที่มีปัญหาการปฏิบัติตามการกินยา (adherence) ได้ดีกว่า
การเปลี่ยนจาก PrEP แบบกินไปสู่แบบฉีดอาจเพิ่มจำนวนผู้ใช้อย่างสม่ำเสมอ และลดการติดเชื้อในระดับประชากรได้มากขึ้น

ข้อจำกัดของ PrEP แบบฉีด ที่ควรพิจารณา
แม้จะดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ PrEP แบบฉีดก็มีข้อควรระวังเช่นกัน
- ต้องไปคลินิกเพื่อฉีดยาทุก 2 เดือน
- อาจเกิดอาการเจ็บหรือก้อนแข็งที่ตำแหน่งฉีด
- ยังไม่มีการวิจัยมากพอในกลุ่มคนบางประเภท เช่น ผู้มีภาวะโรคตับหรือไตเรื้อรัง
- ยังมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ PrEP แบบกิน
ประเทศไทยยังไม่มีการขึ้นทะเบียนหรือให้บริการยาฉีด CAB-LA อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้สนใจต้องรอการนำเข้าในอนาคต หรือซื้อบริการจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีจำหน่าย
PrEP แบบฉีดในประเทศไทย มีโอกาสหรือไม่?
แม้ในปี 2025 ประเทศไทยยังไม่มีการจำหน่าย Cabotegravir LA อย่างแพร่หลาย แต่ความสนใจ และการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการใช้งานก็เริ่มขึ้นแล้ว โดยเฉพาะจากองค์กรภาคประชาสังคม คลินิกเฉพาะทางด้านสุขภาพทางเพศ และโครงการวิจัยที่อาจนำมาทดลองใช้ในกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูง
หากประเทศไทยสามารถทำให้ยาฉีด PrEP เข้าถึงได้ในราคาประหยัด อาจช่วยลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5–10 ปีข้างหน้า
แนวโน้มในอนาคต PrEP แบบฉีดจะเป็นมาตรฐานใหม่หรือไม่?
หากแนวโน้มการใช้ Cabotegravir LA ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่มีการเข้าถึงยาในระบบสุขภาพภาครัฐ เราอาจเห็น PrEP แบบฉีดกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” สำหรับการป้องกันเอชไอวีในระดับประชากร
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำ Cabotegravir LA เป็นหนึ่งในทางเลือกหลักของ PrEP แล้วในปี 2022 และหลายประเทศในแอฟริกาได้เริ่มโครงการแจกจ่ายฟรีในระดับชุมชน
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
PrEP แบบฉีด คือ การปฏิวัติแนวทางการป้องกันเอชไอวีที่น่าจับตามอง และอาจเป็นคำตอบของคำถามสำคัญที่โลกยังเผชิญอยู่ คือ เราจะยุติการระบาดของเอชไอวีได้เมื่อไร?
แม้ประเทศไทยจะยังไม่มีให้บริการอย่างแพร่หลาย แต่การเตรียมความพร้อมทั้งด้านข้อมูล นโยบาย และระบบสาธารณสุข จะช่วยให้เราก้าวทันนวัตกรรมนี้ และเพิ่มโอกาสให้กับคนไทยทุกกลุ่มในการเข้าถึง PrEP ที่ตอบโจทย์ชีวิตอย่างแท้จริง
เอกสารอ้างอิง
- U.S. Food and Drug Administration (FDA). Apretude: First Injectable PrEP for HIV Prevention. รายละเอียดเกี่ยวกับการอนุมัติยา Cabotegravir LA สำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.fda.gov/news-events/press-announcements/fda-approves-first-injectable-treatment-hiv-pre-exposure-prevention
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PrEP Overview. Comprehensive details on PrEP use, effectiveness, and guidelines. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.cdc.gov/hiv/basics/prep.html
- World Health Organization (WHO). Guidelines on long-acting injectable cabotegravir for HIV prevention. คำแนะนำจากองค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับ PrEP แบบฉีด. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.who.int/publications/i/item/9789240054097
- กระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศไทย. แนวทางการให้บริการยา PrEP เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.thaiaidssociety.org/images/PDF/PrEP_Service_Guideline.pdf
- มูลนิธิเข้าถึงเอดส์. คู่มือการใช้ยา PrEP สำหรับประชาชนทั่วไป. ข้อมูลความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้ยา PrEP ในประเทศไทย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.thaiaidssociety.org/images/PDF/PrEP_Guidebook.pdf



