วัยรุ่นไทยยุคใหม่ต้องรู้ ความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวิธีดูแลตนเอง

วัยรุ่นไทยยุคใหม่ต้องรู้ ความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวิธีดูแลตนเอง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) เป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก รวมถึงการสัมผัสสารคัดหลั่ง และผิวหนังที่มีเชื้อ โดยในวัยรุ่นซึ่งอยู่ในช่วงเรียนรู้ และสำรวจความสัมพันธ์ ความเสี่ยงในการติดโรคเหล่านี้สูงขึ้น เนื่องจากขาดความรู้ และการป้องกันที่ถูกต้อง

วัยรุ่นไทยยุคใหม่ต้องรู้ ความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวิธีดูแลตนเอง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในวัยรุ่น

  • โรคหนองในแท้ (Gonorrhea) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ สามารถก่อให้เกิดอาการปัสสาวะแสบขัด หรือมีตกขาวผิดปกติ
  • โรคหนองในเทียม (Chlamydia) ติดเชื้อได้ง่าย และมักไม่มีอาการ แต่หากปล่อยไว้ อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะมีบุตรยาก
  • โรคซิฟิลิส (Syphilis) มีอาการตั้งแต่เป็นแผลที่อวัยวะเพศไปจนถึงผื่น และอาการที่รุนแรงในระยะหลัง ต้องรักษาให้เร็ว
  • โรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้เกิดตุ่มน้ำพองหรือแผลเจ็บที่อวัยวะเพศ ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่ควบคุมได้ด้วยยา
  • โรคหูดที่อวัยวะเพศ (HPV) สามารถทำให้เกิดหูด และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก ควรฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ
  • โรคไวรัสตับอักเสบบี และซี (Hepatitis B & C) ติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการใช้ของมีคมร่วมกัน ทำให้เกิดการอักเสบของตับ และอาจนำไปสู่โรคตับเรื้อรัง
  • เอชไอวี (HIV) ไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ติดเชื้อได้จากเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน การใช้เข็มร่วมกัน หรือจากแม่สู่ลูก

ความเสี่ยงของวัยรุ่นไทยยุคใหม่

ในปัจจุบัน วัยรุ่นไทยกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม และค่านิยมในสังคม ดังนี้

  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน วัยรุ่นจำนวนมากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันที่ง่าย และมีประสิทธิภาพ การละเลยการป้องกันเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
  • มีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย การมีคู่นอนหลายคนหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ จะเพิ่มโอกาสในการสัมผัสเชื้อโรค และเพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หลายชนิดพร้อมกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้มีการป้องกันที่ถูกต้องทุกครั้ง
  • การใช้ยาเสพติด และพฤติกรรมเสี่ยงร่วการใช้สารเสพติดสามารถลดความยับยั้งชั่งใจ ทำให้มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติด HIV และโรคติดต่ออื่น ๆ
  • ขาดความรู้ด้านสุขภาพทางเพศ และไม่เข้ารับการตรวจ วัยรุ่นจำนวนมากยังคงขาดความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วิธีการป้องกัน และไม่เห็นความสำคัญของการตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ การละเลยการตรวจสุขภาพอาจทำให้โรคถูกปล่อยไว้โดยไม่รู้ตัว จนเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
  • เชื่อในข้อมูลผิด ๆ จากเพื่อนหรือสื่อออนไลน์ ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ถูกต้องในสื่อสังคมออนไลน์ และจากกลุ่มเพื่อนสามารถนำไปสู่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการป้องกัน และการดูแลสุขภาพทางเพศ วัยรุ่นอาจตกเป็นเหยื่อของความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เช่น การเข้าใจผิดว่าการใช้วิธีคุมกำเนิดบางวิธีสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ 100% หรือการใช้ยาล้างภายในจะช่วยป้องกันการติดโรคได้

ดังนั้น ความเข้าใจที่ถูกต้อง การได้รับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ การใช้การป้องกันที่เหมาะสม และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งที่วัยรุ่นไทยยุคใหม่ไม่ควรละเลย เพื่อสุขภาพทางเพศที่ปลอดภัย และอนาคตที่มั่นคง.

Love2test

ผลกระทบหากติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างรุนแรง โดยผลกระทบหลัก ๆ ที่วัยรุ่น และผู้ที่ติดเชื้อควรตระหนัก ได้แก่

  • ภาวะมีบุตรยากในอนาคต โรคบางชนิด เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม และซิฟิลิส หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะสามารถลุกลามเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ ทำให้เกิดพังผืด การอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากทั้งในผู้ชาย และผู้หญิงในอนาคต
  • การแพร่เชื้อไปสู่คู่นอนหรือครอบครัว การไม่รู้ตัวว่าตนเองติดเชื้อ และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน อาจทำให้โรคแพร่กระจายไปสู่คู่นอน และบุคคลอื่นในครอบครัว โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่สามารถถ่ายทอดเชื้อไปสู่ทารกได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตในเด็กแรกเกิด
  • การเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง การติดเชื้อ HPV ที่ไม่ได้รับการตรวจ และรักษา อาจนำไปสู่มะเร็งปากมดลูก มะเร็งอวัยวะเพศ และมะเร็งช่องปาก รวมถึงโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น โรคตับจากไวรัสตับอักเสบบี และซี ที่อาจพัฒนาไปสู่ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับได้
  • ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ความเครียด และความวิตกกังวล การรู้ว่าตนเองติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจสร้างความเครียด ความรู้สึกผิด หรือวิตกกังวลได้อย่างมาก ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคู่นอน และคนรอบข้าง
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง และระยะเวลารักษาที่ยาวนาน หากปล่อยให้การติดเชื้อรุนแรงจนเกิดภาวะแทรกซ้อน จะทำให้ต้องใช้เวลาในการรักษานานขึ้น  และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการตรวจ และป้องกันตั้งแต่แรก การรักษาบางกรณีอาจต้องใช้ยาเฉพาะหรือการผ่าตัด รวมถึงต้องเฝ้าติดตามอาการในระยะยาว

ด้วยเหตุนี้ การตระหนักรู้และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคน โดยเฉพาะวัยรุ่น ควรให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง

“ChatLove2test"
วิธีดูแลตัวเอง และป้องกันอย่างปลอดภัย

วิธีดูแลตัวเอง และป้องกันอย่างปลอดภัย

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ลดความเสี่ยงได้ทั้งการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
  • ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ แนะนำให้ตรวจทุก 6 เดือน หรือทุกครั้งที่เปลี่ยนคู่นอน
  • ฉีดวัคซีนที่จำเป็น วัคซีน HPV และวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีช่วยป้องกันโรคได้
  • หลีกเลี่ยงการมีพฤติกรรมเสี่ยง ไม่ใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด
  • พูดคุยเปิดใจกับคู่ของคุณ ให้ความรู้เรื่องการป้องกัน และตรวจสุขภาพร่วมกัน

ข้อควรทำหากสงสัยว่าติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • รีบพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา และตรวจวินิจฉัย
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะได้รับการรักษา
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ และติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ป้องกันเอชไอวีอย่างไร ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ?

“PrEPLove2test"

ถุงยางอนามัยผู้หญิง ตัวช่วยป้องกันที่ผู้หญิงควรรู้

วัยรุ่นไทยยุคใหม่ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทางเพศ เรียนรู้ความเสี่ยง และรู้จักวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างถูกต้อง การป้องกันดีกว่าการรักษา และการดูแลตัวเองวันนี้ คือรากฐานของสุขภาพที่ดีในอนาคต

หากคุณต้องการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือขอคำปรึกษา ติดต่อคลินิกสุขภาพใกล้บ้าน หรือหน่วยงานที่ให้บริการฟรีได้ทั่วประเทศ

เอกสารอ้างอิง

  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Sexually Transmitted Infections (STIs). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/std/default.htm
  • World Health Organization (WHO). Sexually transmitted infections (STIs) Fact Sheet. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sexually-transmitted-infections-(stis)
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์: การป้องกันและการดูแลตนเอง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th
  • สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.). สถานการณ์และแนวทางการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มวัยรุ่น. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.nationalhealth.or.th
  • UNFPA Thailand. สุขภาวะทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับเยาวชน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://thailand.unfpa.org/th/topics/sexual-and-reproductive-health

Similar Posts

  • | |

    ประโยชน์ของถุงยางอนามัย

    ถุงยางอนามัยมีความสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิด ในปัจจุบัน มีถุงยางอนามัยให้เลือกใช้ ทั้งแบบสำหรับสตรีและแบบสำหรับบุรุษ  ถุงยางอนามัยคือ? ถุงยางอนามัย (Condom) มาจากภาษาละติน แปลว่า ภาชนะที่รองรับ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายใช้สวมครอบอวัยวะเพศของตนเอง  และเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้เป็นอันดับต้นๆ สำหรับช่วยป้องกันการคุมกำเนิด และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต และพัฒนาถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งที่มีสีสัน ผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ มีกลิ่น และรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกตามากขึ้น ซึ่งแต่ละแบบเน้นวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันไป แนะการใช้ถุงยางอนามัย 4 ขั้นตอน เลือก เก็บ ใช้ ทิ้ง ที่เราทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้ เลือก ให้ถูกไซส์ ถุงยางอนามัยมีหลายขนาด ตั้งแต่ ขนาด 49 มิลลิเมตร ขนาด 52 มิลลิเมตร ขนาด 54 มิลลิเมตร และ ขนาด 56 มิลลิเมตร รวมถึง กลิ่น…

  • |

    รู้สถานะเอชไอวี (Know Your Status) เพื่อสุขภาพที่ดี และการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

    เชื้อเอชไอวี (HIV = Human Immunodeficiency Virus) เป็นไวรัสที่โจมตีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ หากไม่ได้รับการรักษา ไวรัสจะทำลายเซลล์เหล่านี้ไปเรื่อย ๆ ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาส

    หากปล่อยให้เชื้อเอชไอวี พัฒนาต่อโดยไม่มีการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะ โรคเอดส์ (AIDS – Acquired Immunodeficiency Syndrome) ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี ที่ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมียาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy – ART) ที่ช่วยควบคุมปริมาณไวรัสในร่างกาย ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อสามารถมีสุขภาพดี และลดโอกาสแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้

  • โรคฝีดาษลิง รู้ก่อนป้องกันก่อน

    โรคฝีดาษลิง โรคฝีดาษวานร  หรือไข้ทรพิษลิง  (Monkeypox)  เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ซึ่งเกิดจากไวรัสในตระกูลเดียวกันกับไวรัสโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ พบในสัตว์ ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการรักษาหรือมีวัคซีนป้องกันโดยเฉพาะ แต่สามารถควบคุมการระบาดได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ ที่สามารถช่วยป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ประมาณ 85% ซึ่งการแพร่ระบาดของโลกฝีดาษ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ ร้อยละ 99 % เป็นผู้ชาย โดยติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้หลายคนให้ความสนใจและวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

  • วิธีป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    แน่นอนว่า เซ็กส์ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ต้องมี แต่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ได้ป้องกันตัวเอง หรือมีการพลั้งเผลอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เราทุกคนจึงควรเรียนรู้วิธีการที่จะมีเซ็กส์อย่างปลอดภัย และห่างไกลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย เพราะไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวคุณเองทั้งนั้น วันนี้ ลองมาอ่านบทความนี้กันดีกว่าว่าคุณจะสามารถเซฟตัวเองไม่ให้เข้าใกล้โรคร้ายได้อย่างไรบ้าง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ถูกพบมากที่สุด ได้แก่ เอชไอวี เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Human Immunodeficiency Virus (ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเชียนซีไวรัส) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง จนไม่อาจต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีระยะฟักตัวตั้งแต่ 2-6 สัปดาห์ขึ้นไปถึงจะตรวจพบเชื้อ หรือขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจที่เลือกด้วย ปัจจุบันสามารถตรวจแบบแนท (NAT) ที่หลังมีความเสี่ยงประมาณ 5-7 วัน โรคหนองในแท้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria Gonorrhoeae (ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย) อาจมีอาการเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อ ในเพศหญิง จะเกิดอาการตกขาวผิดปกติ มีเลือดออกบริเวณช่องคลอด รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ ส่วนในเพศชาย จะมีหนองสีเขียวหรือเหลืองไหลออกมาจากปลายอวัยวะเพศ ลูกอัณฑะบวม และเจ็บเวลาปัสสาวะ เป็นต้น โรคหนองในเทียม เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ…

  • โรคหูดหงอนไก่ หูดในที่ลับที่ป้องกันได้

    โรคหูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย  สามารถพบได้ทั้งในชายและหญิง แต่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อบุผนังภายในของผู้ที่เป็นโรคนี้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ หรือจากแม่สู่ลูกผ่านการคลอดแบบธรรมชาติ โรคนี้ทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยะเพศ , ขาหนีบ, หรือทวารหนัก เป็นต้น

  • การรักษาหนองในในผู้หญิง: วิธีการ และข้อควรรู้

    โรคหนองใน เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย และสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง แต่สำหรับผู้หญิงนั้น บางครั้งอาการอาจไม่ชัดเจน ทำให้การติดเชื้อถูกมองข้ามไป หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที โรคนี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ภาวะมีบุตรยาก หรือโรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ ดังนั้นการรับรู้ถึงวิธีการรักษา และข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคหนองในจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกัน และดูแลสุขภาพของตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคนี้