วัยรุ่นไทยยุคใหม่ต้องรู้ ความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวิธีดูแลตนเอง

วัยรุ่นไทยยุคใหม่ต้องรู้ ความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวิธีดูแลตนเอง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) เป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก รวมถึงการสัมผัสสารคัดหลั่ง และผิวหนังที่มีเชื้อ โดยในวัยรุ่นซึ่งอยู่ในช่วงเรียนรู้ และสำรวจความสัมพันธ์ ความเสี่ยงในการติดโรคเหล่านี้สูงขึ้น เนื่องจากขาดความรู้ และการป้องกันที่ถูกต้อง

วัยรุ่นไทยยุคใหม่ต้องรู้ ความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวิธีดูแลตนเอง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในวัยรุ่น

  • โรคหนองในแท้ (Gonorrhea) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ สามารถก่อให้เกิดอาการปัสสาวะแสบขัด หรือมีตกขาวผิดปกติ
  • โรคหนองในเทียม (Chlamydia) ติดเชื้อได้ง่าย และมักไม่มีอาการ แต่หากปล่อยไว้ อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะมีบุตรยาก
  • โรคซิฟิลิส (Syphilis) มีอาการตั้งแต่เป็นแผลที่อวัยวะเพศไปจนถึงผื่น และอาการที่รุนแรงในระยะหลัง ต้องรักษาให้เร็ว
  • โรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้เกิดตุ่มน้ำพองหรือแผลเจ็บที่อวัยวะเพศ ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่ควบคุมได้ด้วยยา
  • โรคหูดที่อวัยวะเพศ (HPV) สามารถทำให้เกิดหูด และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก ควรฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ
  • โรคไวรัสตับอักเสบบี และซี (Hepatitis B & C) ติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการใช้ของมีคมร่วมกัน ทำให้เกิดการอักเสบของตับ และอาจนำไปสู่โรคตับเรื้อรัง
  • เอชไอวี (HIV) ไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ติดเชื้อได้จากเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน การใช้เข็มร่วมกัน หรือจากแม่สู่ลูก

ความเสี่ยงของวัยรุ่นไทยยุคใหม่

ในปัจจุบัน วัยรุ่นไทยกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม และค่านิยมในสังคม ดังนี้

  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน วัยรุ่นจำนวนมากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันที่ง่าย และมีประสิทธิภาพ การละเลยการป้องกันเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
  • มีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย การมีคู่นอนหลายคนหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ จะเพิ่มโอกาสในการสัมผัสเชื้อโรค และเพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หลายชนิดพร้อมกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้มีการป้องกันที่ถูกต้องทุกครั้ง
  • การใช้ยาเสพติด และพฤติกรรมเสี่ยงร่วการใช้สารเสพติดสามารถลดความยับยั้งชั่งใจ ทำให้มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติด HIV และโรคติดต่ออื่น ๆ
  • ขาดความรู้ด้านสุขภาพทางเพศ และไม่เข้ารับการตรวจ วัยรุ่นจำนวนมากยังคงขาดความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วิธีการป้องกัน และไม่เห็นความสำคัญของการตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ การละเลยการตรวจสุขภาพอาจทำให้โรคถูกปล่อยไว้โดยไม่รู้ตัว จนเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
  • เชื่อในข้อมูลผิด ๆ จากเพื่อนหรือสื่อออนไลน์ ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ถูกต้องในสื่อสังคมออนไลน์ และจากกลุ่มเพื่อนสามารถนำไปสู่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการป้องกัน และการดูแลสุขภาพทางเพศ วัยรุ่นอาจตกเป็นเหยื่อของความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เช่น การเข้าใจผิดว่าการใช้วิธีคุมกำเนิดบางวิธีสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ 100% หรือการใช้ยาล้างภายในจะช่วยป้องกันการติดโรคได้

ดังนั้น ความเข้าใจที่ถูกต้อง การได้รับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ การใช้การป้องกันที่เหมาะสม และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งที่วัยรุ่นไทยยุคใหม่ไม่ควรละเลย เพื่อสุขภาพทางเพศที่ปลอดภัย และอนาคตที่มั่นคง.

Love2test

ผลกระทบหากติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างรุนแรง โดยผลกระทบหลัก ๆ ที่วัยรุ่น และผู้ที่ติดเชื้อควรตระหนัก ได้แก่

  • ภาวะมีบุตรยากในอนาคต โรคบางชนิด เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม และซิฟิลิส หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะสามารถลุกลามเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ ทำให้เกิดพังผืด การอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากทั้งในผู้ชาย และผู้หญิงในอนาคต
  • การแพร่เชื้อไปสู่คู่นอนหรือครอบครัว การไม่รู้ตัวว่าตนเองติดเชื้อ และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน อาจทำให้โรคแพร่กระจายไปสู่คู่นอน และบุคคลอื่นในครอบครัว โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่สามารถถ่ายทอดเชื้อไปสู่ทารกได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตในเด็กแรกเกิด
  • การเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง การติดเชื้อ HPV ที่ไม่ได้รับการตรวจ และรักษา อาจนำไปสู่มะเร็งปากมดลูก มะเร็งอวัยวะเพศ และมะเร็งช่องปาก รวมถึงโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น โรคตับจากไวรัสตับอักเสบบี และซี ที่อาจพัฒนาไปสู่ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับได้
  • ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ความเครียด และความวิตกกังวล การรู้ว่าตนเองติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจสร้างความเครียด ความรู้สึกผิด หรือวิตกกังวลได้อย่างมาก ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคู่นอน และคนรอบข้าง
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง และระยะเวลารักษาที่ยาวนาน หากปล่อยให้การติดเชื้อรุนแรงจนเกิดภาวะแทรกซ้อน จะทำให้ต้องใช้เวลาในการรักษานานขึ้น  และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการตรวจ และป้องกันตั้งแต่แรก การรักษาบางกรณีอาจต้องใช้ยาเฉพาะหรือการผ่าตัด รวมถึงต้องเฝ้าติดตามอาการในระยะยาว

ด้วยเหตุนี้ การตระหนักรู้และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคน โดยเฉพาะวัยรุ่น ควรให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง

“ChatLove2test"
วิธีดูแลตัวเอง และป้องกันอย่างปลอดภัย

วิธีดูแลตัวเอง และป้องกันอย่างปลอดภัย

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ลดความเสี่ยงได้ทั้งการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
  • ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ แนะนำให้ตรวจทุก 6 เดือน หรือทุกครั้งที่เปลี่ยนคู่นอน
  • ฉีดวัคซีนที่จำเป็น วัคซีน HPV และวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีช่วยป้องกันโรคได้
  • หลีกเลี่ยงการมีพฤติกรรมเสี่ยง ไม่ใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด
  • พูดคุยเปิดใจกับคู่ของคุณ ให้ความรู้เรื่องการป้องกัน และตรวจสุขภาพร่วมกัน

ข้อควรทำหากสงสัยว่าติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • รีบพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา และตรวจวินิจฉัย
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะได้รับการรักษา
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ และติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ป้องกันเอชไอวีอย่างไร ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ?

“PrEPLove2test"

ถุงยางอนามัยผู้หญิง ตัวช่วยป้องกันที่ผู้หญิงควรรู้

วัยรุ่นไทยยุคใหม่ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทางเพศ เรียนรู้ความเสี่ยง และรู้จักวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างถูกต้อง การป้องกันดีกว่าการรักษา และการดูแลตัวเองวันนี้ คือรากฐานของสุขภาพที่ดีในอนาคต

หากคุณต้องการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือขอคำปรึกษา ติดต่อคลินิกสุขภาพใกล้บ้าน หรือหน่วยงานที่ให้บริการฟรีได้ทั่วประเทศ

เอกสารอ้างอิง

  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Sexually Transmitted Infections (STIs). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/std/default.htm
  • World Health Organization (WHO). Sexually transmitted infections (STIs) Fact Sheet. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sexually-transmitted-infections-(stis)
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์: การป้องกันและการดูแลตนเอง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th
  • สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.). สถานการณ์และแนวทางการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มวัยรุ่น. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.nationalhealth.or.th
  • UNFPA Thailand. สุขภาวะทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับเยาวชน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://thailand.unfpa.org/th/topics/sexual-and-reproductive-health

Similar Posts

  • เนื้องอกกัมม่า (Gummas) สัญญาณเงียบของโรคซิฟิลิสที่เรื้อรัง

    เนื้องอกกัมม่า เป็นหนึ่งในอาการที่พบในโรคซิฟิลิสระยะที่สาม (Tertiary Syphilis) ซึ่งเป็นระยะเรื้อรังของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum แม้ว่าโรคซิฟิลิสจะสามารถรักษาได้ง่ายในระยะเริ่มต้นด้วยยาปฏิชีวนะ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น โรคอาจลุกลามเข้าสู่ระยะที่สาม และกัมม่าคือหนึ่งในผลลัพธ์ที่น่ากังวลของกระบวนการดังกล่าว

  • วิธีป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    แน่นอนว่า เซ็กส์ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ต้องมี แต่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ได้ป้องกันตัวเอง หรือมีการพลั้งเผลอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เราทุกคนจึงควรเรียนรู้วิธีการที่จะมีเซ็กส์อย่างปลอดภัย และห่างไกลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย เพราะไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวคุณเองทั้งนั้น วันนี้ ลองมาอ่านบทความนี้กันดีกว่าว่าคุณจะสามารถเซฟตัวเองไม่ให้เข้าใกล้โรคร้ายได้อย่างไรบ้าง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ถูกพบมากที่สุด ได้แก่ เอชไอวี เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Human Immunodeficiency Virus (ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเชียนซีไวรัส) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง จนไม่อาจต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีระยะฟักตัวตั้งแต่ 2-6 สัปดาห์ขึ้นไปถึงจะตรวจพบเชื้อ หรือขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจที่เลือกด้วย ปัจจุบันสามารถตรวจแบบแนท (NAT) ที่หลังมีความเสี่ยงประมาณ 5-7 วัน โรคหนองในแท้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria Gonorrhoeae (ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย) อาจมีอาการเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อ ในเพศหญิง จะเกิดอาการตกขาวผิดปกติ มีเลือดออกบริเวณช่องคลอด รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ ส่วนในเพศชาย จะมีหนองสีเขียวหรือเหลืองไหลออกมาจากปลายอวัยวะเพศ ลูกอัณฑะบวม และเจ็บเวลาปัสสาวะ เป็นต้น โรคหนองในเทียม เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ…

  • วัยรุ่นในปัจจุบัน มีแนวโน้มติดเชื้อเอชไอวี เพิ่มมากขึ้น

    กรมอนามัย เตือนวัยรุ่นให้มีสติ รู้จักป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หลังพบวัยรุ่นมีแนวโน้มติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น พร้อมแนะวิธีปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยง

  • |

    ทำไมถึงคันในที่ลับ? ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม และวิธีการรักษา

    อาการคันในที่ลับเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน

  • คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการตรวจเอชไอวี

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ยังไม่สามารถคิดค้นวิธีการรักษาให้หายขาดได้ นั่นก็คือ เอชไอวี (HIV : Human Immunodeficiency Virus) ที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ติดเชื้อลดลง ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ เป็นสาเหตุของการเกิดโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ง่ายมากกว่าปกติ อีกทั้งหากไม่เข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วแล้ว จะส่งผลต่อร่างกายทำให้เข้าสู่ระยะรุนแรงที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อว่า ระยะเอดส์ นั่นเอง บทความนี้เราได้รวบรวมคำตอบของทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ “การตรวจเอชไอวี” ที่คัดสรรมาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า พบคำถามเหล่านี้บ่อยครั้งจากหลากหลายแหล่ง รวมไปถึงความเข้าใจผิด ๆ ที่ต้องการให้ผู้คนทั่วไปเข้าใจไปในทิศทางถูกต้อง ทำไมต้องตรวจเอชไอวี ? เอชไอวี หากทราบสถานะได้เร็วมากเท่าไหร่ โอกาสในการรักษาไม่ให้ลุกลามไปสู่ระยะรุนแรงก็มากด้วยเช่นกัน ดังนั้นการตรวจเอชไอวี จึงเป็นทางเลือกในการป้องกันที่สำคัญไม่แพ้การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทั้งยังเป็นการเพิ่มการตระหนักถึงการดูแลตนเองและคู่ของคุณ ดังนั้นจึงทำให้การตรวจเอชไอวี เป็นสิ่งที่จำเป็นและควรทำอย่างยิ่งในทุก ๆ ปีเช่นเดียวกับการตรวจสุขภาพประจำปี เมื่อไหร่ที่ควรเข้ารับการตรวจเอชไอวี? การตรวจเอชไอวี เป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคน ด้วยความที่ว่าไม่มั่นใจว่าตนเองนั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือไม่ ตลอดจนมองว่าการตรวจเอชไอวี ควรเข้ารับการตรวจเมื่อจำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากคุณคือหนึ่งในผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้ ควรเข้ารับการตรวจพร้อมทั้งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด การตรวจเอชไอวี ใช้เวลานานหรือไม่ ? ระยะเวลาในการตรวจเอชไอวี ขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจที่เลือกใช้ หากเป็นการตรวจโดยสถานพยาบาลทั่วไปด้วยวิธีการตรวจที่นิยมใช้หลัก ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระยะเวลาทราบผลได้เร็วที่สุดใน…

  • หนองในเพศชาย อันตรายแค่ไหน?

    แม้ว่าการมีเซ็กส์ มันคือเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน แต่การมีแล้วไม่ป้องกันตนเองจนเกิดโรค ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนควรกระทำหรอกนะครับ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือไม่ชอบสวมถุงยางอนามัยเวลามีเซ็กส์นั่นเอง มันมีโรคหนึ่งที่ชื่อว่า หนองในเพศชาย ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยอดฮิตที่เกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย และพบมากในกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยทำงานอายุระหว่าง 15-25 ปี ที่มีโอกาสนัดเจอกับคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย หนองในเพศชาย คืออะไร หนองใน คือ การติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae ที่พบได้ในน้ำอสุจิและสารหล่อลื่นในช่องคลอด ซึ่งสามารถติดต่อได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงผ่านทางเพศสัมพันธ์ โรคหนองในเพศชาย มักส่งผลกระทบต่อท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือลำคอ โดยมักแพร่กระจายระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก กลุ่มที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคนี้ เช่น อาการของโรค หนองในเพศชาย ส่วนใหญ่ การติดเชื้อหนองใน มักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้ชายที่เป็นโรคนี้จึงไม่รู้ตัวและกลายเป็นพาหะนำโรคไปยังคู่นอนของตัวเอง ซึ่งอาการอาจปรากฎได้หลังมีการติดเชื้อประมาณ 2-30 วัน ดังนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น หนองในเพศชาย การที่จะรู้ได้ว่าคุณเป็นหนองในย แล้วนั้นจะต้องทำการปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด เนื่องจากมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ชายที่ติดเชื้อหนองใน จะไม่แสดงอาการ แต่อาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตามมาหากไม่ได้รับการรักษา ดังนั้น หากคุณหรือคู่นอน มีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าจะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์…