เตือนภัย สาวๆ เกี่ยวกับโรคพยาธิในช่องคลอด

เตือนภัย สาวๆ เกี่ยวกับโรคพยาธิในช่องคลอด

โรคพยาธิในช่องคลอดเป็นปัญหาสุขภาพที่ผู้หญิงหลายคนอาจไม่ทราบว่าตนเองเป็น เนื่องจากอาการอาจไม่ชัดเจน หรือไม่มีอาการเลย ทำให้การตรวจพบ และการรักษาเป็นไปได้ยาก การปล่อยให้โรคพยาธิในช่องคลอดไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้นได้

เตือนภัย สาวๆ เกี่ยวกับโรคพยาธิในช่องคลอด

สาเหตุโรคพยาธิในช่องคลอด

Love2test

โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจาก โปรโตซัว ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ไตรโคโมนาส วาจินาลิส (Trichomonas vaginalis) โรคนี้พบได้บ่อยในผู้หญิง แต่ผู้ชายก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน  โรคพยาธิในช่องคลอดติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว หรือ การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก

อาการโรคพยาธิในช่องคลอด

แต่บางคนอาจมีอาการที่สามารถสังเกตได้ ดังนี้

  • อาการคัน หรือระคายเคืองในช่องคลอด
  • บวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ
  • ตกขาวมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีสีเหลือง หรือเขียว มีฟอง และมีกลิ่นเหม็น
  • ปวด หรือแสบขัด เมื่อปัสสาวะ
  • ปวดท้องน้อย
  • ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
  • มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

ภาวะแทรกซ้อนโรคพยาธิในช่องคลอด

หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

Love2test
  • หญิงมีครรภ์เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
  • ทารกอาจมีน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อยกว่าปกติ หรืออาจติดเชื้อปรสิตจากแม่ได้หากคลอดตามธรรมชาติ
  • ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้วย เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม หรือช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย เป็นต้น
  • เสี่ยงติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ง่ายขึ้น
  • เกิดภาวะติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ซึ่งอาจทำให้ท่อนำไข่อุดตันจากแผลเป็น ปวดท้องหรือปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานอย่างเรื้อรัง รวมทั้งอาจส่งผลให้มีลูกยาก
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก

การวินิจฉัยโรคพยาธิในช่องคลอด

การวินิจฉัยโรคพยาธิในช่องคลอดสามารถทำได้โดยการตรวจสอบทางคลินิก ซึ่งรวมถึงการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจสารคัดหลั่งจากช่องคลอด หรือวิธีตรวจหาสารพันธุกรรมของพยาธิทริโคโมแนส

หากผู้ป่วยที่พบว่าตนเองติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดแน่ชัดแล้ว ควรตรวจเลือดหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้วย เช่น เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และซิฟิลิส เป็นต้น

“ChatLove2test"
การรักษาโรคพยาธิในช่องคลอด

การรักษาโรคพยาธิในช่องคลอด

โรคพยาธิในช่องคลอด สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ โดยแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะเช่น Metronidazole หรือ Tinidazole ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อพยาธิ การรักษาต้องทำทั้งคู่ของผู้ติดเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ 

ไปพบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ยังคงมีอาการผิดปกติหลังใช้ยา ซึ่งอาจเกิดจากการรับประทานยาไม่ครบตามที่แพทย์สั่ง อาเจียนหลังรับประทานยา หรือติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดซ้ำ โดยแพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานยาปฏิชีวนะในปริมาณที่มากกว่าเดิม หรือรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ต่อไป

“PrEPLove2test"

การป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอด

  • การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
  • การตรวจสุขภาพเป็นประจำ และการตรวจภายในเพื่อคัดกรองโรค
  • การรักษาความสะอาดของช่องคลอด และการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อสุขภาพเพศที่ปลอดภัย

วิธีป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคพยาธิในช่องคลอดเป็นปัญหาสุขภาพที่ผู้หญิงควรให้ความสำคัญ แม้ว่าอาการอาจไม่ชัดเจน แต่การตรวจพบ และการรักษาอย่างทันท่วงที สามารถป้องกันปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้นได้   เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นด้วย

Similar Posts

  • | |

    ไขข้อสงสัย ใส่ถุงยางอนามัย 2 ชั้น เพิ่มความปลอดภัย หรือเพิ่มปัญหา?

    การใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) อย่างไรก็ตาม ยังมีความเข้าใจผิดอยู่บ้างเกี่ยวกับวิธีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการใช้ถุงยางอนามัยสองชั้นที่หลายคนเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยสองชั้นว่าจริงๆ แล้วช่วยเพิ่มความปลอดภัยหรือสร้างปัญหามากกว่า

  • คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการตรวจเอชไอวี

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ยังไม่สามารถคิดค้นวิธีการรักษาให้หายขาดได้ นั่นก็คือ เอชไอวี (HIV : Human Immunodeficiency Virus) ที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ติดเชื้อลดลง ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ เป็นสาเหตุของการเกิดโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ง่ายมากกว่าปกติ อีกทั้งหากไม่เข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วแล้ว จะส่งผลต่อร่างกายทำให้เข้าสู่ระยะรุนแรงที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อว่า ระยะเอดส์ นั่นเอง บทความนี้เราได้รวบรวมคำตอบของทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ “การตรวจเอชไอวี” ที่คัดสรรมาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า พบคำถามเหล่านี้บ่อยครั้งจากหลากหลายแหล่ง รวมไปถึงความเข้าใจผิด ๆ ที่ต้องการให้ผู้คนทั่วไปเข้าใจไปในทิศทางถูกต้อง ทำไมต้องตรวจเอชไอวี ? เอชไอวี หากทราบสถานะได้เร็วมากเท่าไหร่ โอกาสในการรักษาไม่ให้ลุกลามไปสู่ระยะรุนแรงก็มากด้วยเช่นกัน ดังนั้นการตรวจเอชไอวี จึงเป็นทางเลือกในการป้องกันที่สำคัญไม่แพ้การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทั้งยังเป็นการเพิ่มการตระหนักถึงการดูแลตนเองและคู่ของคุณ ดังนั้นจึงทำให้การตรวจเอชไอวี เป็นสิ่งที่จำเป็นและควรทำอย่างยิ่งในทุก ๆ ปีเช่นเดียวกับการตรวจสุขภาพประจำปี เมื่อไหร่ที่ควรเข้ารับการตรวจเอชไอวี? การตรวจเอชไอวี เป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคน ด้วยความที่ว่าไม่มั่นใจว่าตนเองนั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือไม่ ตลอดจนมองว่าการตรวจเอชไอวี ควรเข้ารับการตรวจเมื่อจำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากคุณคือหนึ่งในผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้ ควรเข้ารับการตรวจพร้อมทั้งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด การตรวจเอชไอวี ใช้เวลานานหรือไม่ ? ระยะเวลาในการตรวจเอชไอวี ขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจที่เลือกใช้ หากเป็นการตรวจโดยสถานพยาบาลทั่วไปด้วยวิธีการตรวจที่นิยมใช้หลัก ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระยะเวลาทราบผลได้เร็วที่สุดใน…

  • |

    เซ็กส์ทางทวารหนัก คืออะไร? วิธีทำอย่างไรให้ปลอดภัย และไม่เจ็บ

    เซ็กส์ทางทวารหนัก (Anal Sex) เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคู่รักที่ต้องการความแปลกใหม่ทางเพศ หรือคู่รักเพศเดียวกัน แม้ว่าหลายคนอาจจะยังรู้สึกอายหรือไม่กล้าพูดถึง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายทั่วโลก หากทำอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีความเข้าใจที่ถูกต้อง จะช่วยให้เกิดความสุข และลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • | |

    ถุงยางอนามัยผู้หญิง ตัวช่วยป้องกันที่ผู้หญิงควรรู้

    ถุงยางอนามัยผู้หญิง เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ภายในร่างกายของผู้หญิง แม้จะไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย แต่ก็มีประสิทธิภาพสูง และช่วยให้ผู้หญิงมีอิสระ และความมั่นใจในการป้องกันตนเองอย่างปลอดภัย

  • รู้ทันโรคฝีมะม่วง ความอันตรายที่คุณควรรู้

    โรคฝีมะม่วง หรือที่รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า Lymphogranuloma Venereum (LGV) เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง โรคนี้สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว และมีความอันตราย หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม การรู้จัก และเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีมะม่วงจะช่วยให้คุณสามารถป้องกัน และดูแลสุขภาพของตนเอง และผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • หนองในเพศชาย อันตรายแค่ไหน?

    แม้ว่าการมีเซ็กส์ มันคือเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน แต่การมีแล้วไม่ป้องกันตนเองจนเกิดโรค ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนควรกระทำหรอกนะครับ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือไม่ชอบสวมถุงยางอนามัยเวลามีเซ็กส์นั่นเอง มันมีโรคหนึ่งที่ชื่อว่า หนองในเพศชาย ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยอดฮิตที่เกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย และพบมากในกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยทำงานอายุระหว่าง 15-25 ปี ที่มีโอกาสนัดเจอกับคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย หนองในเพศชาย คืออะไร หนองใน คือ การติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae ที่พบได้ในน้ำอสุจิและสารหล่อลื่นในช่องคลอด ซึ่งสามารถติดต่อได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงผ่านทางเพศสัมพันธ์ โรคหนองในเพศชาย มักส่งผลกระทบต่อท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือลำคอ โดยมักแพร่กระจายระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก กลุ่มที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคนี้ เช่น อาการของโรค หนองในเพศชาย ส่วนใหญ่ การติดเชื้อหนองใน มักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้ชายที่เป็นโรคนี้จึงไม่รู้ตัวและกลายเป็นพาหะนำโรคไปยังคู่นอนของตัวเอง ซึ่งอาการอาจปรากฎได้หลังมีการติดเชื้อประมาณ 2-30 วัน ดังนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น หนองในเพศชาย การที่จะรู้ได้ว่าคุณเป็นหนองในย แล้วนั้นจะต้องทำการปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด เนื่องจากมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ชายที่ติดเชื้อหนองใน จะไม่แสดงอาการ แต่อาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตามมาหากไม่ได้รับการรักษา ดังนั้น หากคุณหรือคู่นอน มีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าจะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์…