โลน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่แพร่ได้ง่ายกว่าที่คิด

โลน : โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่แพร่ได้ง่ายกว่าที่คิด

เมื่อพูดถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections หรือ STIs) หลายคนมักนึกถึงโรคที่มีชื่อเสียง เช่น HIV หนองใน หรือซิฟิลิส แต่มีอีกหนึ่งโรคที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย แม้ว่ามันจะสามารถแพร่กระจายได้ง่าย และก่อให้เกิดความไม่สบายใจอย่างมาก นั่นคือ “โลน” หรือปรสิตเหาอวัยวะเพศ (Pubic Lice หรือ Crab Lice) โรคนี้อาจดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับโรคอื่นๆ แต่ก็มีผลกระทบต่อสุขภาพ และความเป็นอยู่ของผู้ป่วยได้ไม่น้อย การเข้าใจเกี่ยวกับโลนอย่างละเอียดจะช่วยให้สามารถป้องกัน และจัดการกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โลน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่แพร่ได้ง่ายกว่าที่คิด

โรคโลน คืออะไร?

Love2test

โลน หรือ “เหาอวัยวะเพศ” เป็นปรสิตขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายปู ซึ่งมักเกาะอยู่บริเวณขนอวัยวะเพศของมนุษย์ เหาโลนมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pthirus pubis และเป็นปรสิตที่อาศัยอยู่บนร่างกายของมนุษย์โดยเฉพาะ ขนาดของโลนจะเล็กมาก ประมาณ 1-2 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้มองเห็นได้ยาก แต่พวกมันสามารถสร้างปัญหาด้านสุขภาพ และความสบายได้มากมาย

โลนมักเกาะอยู่บริเวณขนหนา เช่น ขนอวัยวะเพศ ใต้วงแขน ขนบนอก หรือแม้กระทั่งขนคิ้ว และขนตา พวกมันจะใช้ปากเจาะผิวหนังของผู้ติดเชื้อเพื่อดูดเลือด ทำให้เกิดอาการคัน และระคายเคืองอย่างรุนแรง

การแพร่ของโรคโลน

โลน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่แพร่กระจายได้ง่ายผ่านการสัมผัสทางกาย โดยเฉพาะในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ โลนสามารถเคลื่อนย้ายจากร่างกายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายผ่านการสัมผัสกับขนของคู่ครอง ปรสิตเหล่านี้ไม่สามารถกระโดดหรือบินได้ แต่พวกมันสามารถเกาะ และเคลื่อนไหวได้ดี ทำให้การติดต่อเป็นไปได้ง่ายแม้มีการสัมผัสเพียงเล็กน้อย

Love2test

นอกจากการติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ โลนยังสามารถแพร่ผ่านการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า เครื่องนอน หรือแม้กระทั่งโซฟา และที่นอนในโรงแรมที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม แม้ว่าการแพร่เชื้อผ่านสิ่งของเหล่านี้จะไม่เป็นวิธีหลัก แต่มันก็เป็นความเสี่ยงที่ควรระวัง

อาการของโรคโลน

อาการที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ที่ติดโลนคือ “อาการคัน” อย่างรุนแรงบริเวณที่มีโลนเกาะอยู่ โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ อาการคันนี้มักจะรุนแรงขึ้นในช่วงกลางคืนเมื่อโลนมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น การเกาบริเวณที่คันอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และแผลติดเชื้อเพิ่มเติมได้

“ChatLove2test"

อาการอื่น ๆ ที่พบได้อาจรวมถึง

  • รอยแดง และการอักเสบของผิวหนังบริเวณที่โลนเกาะ
  • จุดสีดำเล็ก ๆ หรือไข่ของโลนที่ติดอยู่กับขน
  • อาการระคายเคืองที่ตาในกรณีที่โลนแพร่กระจายไปยังขนคิ้วหรือขนตา

การวินิจฉัยของโรคโลน

การวินิจฉัยโรคโลนสามารถทำได้โดยการตรวจร่างกาย แพทย์จะใช้กล้องขยายหรือแว่นขยายเพื่อตรวจดูบริเวณขนที่มีโลนหรือไข่ของโลนติดอยู่ หากพบโลนหรือไข่ การวินิจฉัยก็สามารถทำได้ทันที

“PrEPLove2test"
การรักษาโรคโลน

การรักษาโรคโลน

โลน สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาฆ่าเหาที่จำหน่ายทั่วไป ยาที่นิยมใช้ได้แก่ยาที่มีส่วนประกอบของเพอร์เมทริน (Permethrin) หรือไพรีทริน (Pyrethrins) ซึ่งเป็นยาทาภายนอกหรือยาสระผมที่สามารถฆ่าโลน และไข่ของพวกมันได้

ขั้นตอนในการรักษา

  • ล้างทำความสะอาดบริเวณที่ติดเชื้อด้วยน้ำอุ่น และสบู่
  • ใช้ยาทาภายนอกตามคำแนะนำของแพทย์หรือฉลากยา โดยทาบริเวณที่มีโลน และปล่อยทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด
  • ซักทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว และสิ่งของอื่น ๆ ที่อาจมีโลนติดอยู่ด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าปรสิต
  • ตรวจสอบ และรักษาคู่นอนหากมีการติดเชื้อร่วมกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อกลับมาอีก

หากโลนแพร่ไปยังขนคิ้วหรือขนตา แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาฆ่าโลนที่อ่อนโยนหรือยาหยอดตาเฉพาะสำหรับการรักษาในบริเวณที่อ่อนโยน

การป้องกันโรคโลน

แม้ว่าโลนจะไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่การป้องกัน และรักษาความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ คำแนะนำในการป้องกัน ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อ
  • ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า หรือเครื่องนอน
  • ทำความสะอาดเสื้อผ้า และเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนหลังจากมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ที่พักสาธารณะหรือโรงแรมที่ไม่มั่นใจในความสะอาด

ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

แม้ว่าโลนจะไม่เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อระบบร่างกายอย่างรุนแรง แต่มันสามารถก่อให้เกิดความอับอาย และความไม่สบายใจได้ การมีปรสิตที่เกาะอยู่บนร่างกาย และก่อให้เกิดอาการคันไม่หยุดนั้นสามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และการพักผ่อนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอาการรุนแรง

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วิธีป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อสุขภาพเพศที่ปลอดภัย

การเข้าใจเกี่ยวกับโลนในฐานะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกัน และรักษา ไม่ควรละเลยอาการหรือภาวะใด ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะแม้ว่าจะเป็นโรคที่ไม่รุนแรง แต่หากไม่รักษา อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ ดังนั้น การดูแลสุขอนามัยส่วนตัว และการป้องกันอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคโลนได้อย่างแน่นอน

Similar Posts

  • หนองในเพศชาย อันตรายแค่ไหน?

    แม้ว่าการมีเซ็กส์ มันคือเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน แต่การมีแล้วไม่ป้องกันตนเองจนเกิดโรค ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนควรกระทำหรอกนะครับ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือไม่ชอบสวมถุงยางอนามัยเวลามีเซ็กส์นั่นเอง มันมีโรคหนึ่งที่ชื่อว่า หนองในเพศชาย ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยอดฮิตที่เกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย และพบมากในกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยทำงานอายุระหว่าง 15-25 ปี ที่มีโอกาสนัดเจอกับคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย หนองในเพศชาย คืออะไร หนองใน คือ การติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae ที่พบได้ในน้ำอสุจิและสารหล่อลื่นในช่องคลอด ซึ่งสามารถติดต่อได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงผ่านทางเพศสัมพันธ์ โรคหนองในเพศชาย มักส่งผลกระทบต่อท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือลำคอ โดยมักแพร่กระจายระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก กลุ่มที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคนี้ เช่น อาการของโรค หนองในเพศชาย ส่วนใหญ่ การติดเชื้อหนองใน มักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้ชายที่เป็นโรคนี้จึงไม่รู้ตัวและกลายเป็นพาหะนำโรคไปยังคู่นอนของตัวเอง ซึ่งอาการอาจปรากฎได้หลังมีการติดเชื้อประมาณ 2-30 วัน ดังนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น หนองในเพศชาย การที่จะรู้ได้ว่าคุณเป็นหนองในย แล้วนั้นจะต้องทำการปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด เนื่องจากมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ชายที่ติดเชื้อหนองใน จะไม่แสดงอาการ แต่อาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตามมาหากไม่ได้รับการรักษา ดังนั้น หากคุณหรือคู่นอน มีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าจะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์…

  • | |

    ถุงยางอนามัยผู้หญิง ตัวช่วยป้องกันที่ผู้หญิงควรรู้

    ถุงยางอนามัยผู้หญิง เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ภายในร่างกายของผู้หญิง แม้จะไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย แต่ก็มีประสิทธิภาพสูง และช่วยให้ผู้หญิงมีอิสระ และความมั่นใจในการป้องกันตนเองอย่างปลอดภัย

  • ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อสุขภาพเพศที่ปลอดภัย

    การรักษาสุขภาพเพศที่ดี และปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคน เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อสุขภาพได้ ดังนั้น การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยให้เรารับรู้โรคในระยะเริ่มต้น และรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ออรัล เซ็กส์ปลอดภัยไหม? ข้อควรรู้เพื่อป้องกันความเสี่ยง

    ออรัล เซ็กส์ (Oral sex) เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเพศที่ได้รับความนิยมในหมู่คู่รัก เนื่องจากเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความใกล้ชิด และสร้างความสุขในความสัมพันธ์ หลายคนมองว่าออรัล เซ็กส์ ปลอดภัยกว่าการมีเพศสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น แต่ในความเป็นจริง กิจกรรมนี้ยังมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้หากไม่ได้รับการป้องกันที่เหมาะสม

  • โรคหูดข้าวสุก : ภัยทางเพศสัมพันธ์ที่ต้องระวัง ป้องกันอย่างไร?

    โรคหูดข้าวสุก (Molluscum Contagiosum) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม Poxvirus ซึ่งสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสผิวหนังโดยตรง รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ในผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ โรคหูดข้าวสุกมีผลกระทบต่อสุขภาพผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณที่เกิดการสัมผัสเชื้อ และอาจนำไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นหากไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกต้อง

  • การตีตรา โรคติดต่อทางเพศ

    การตีตรา เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นปัญหาสังคมที่แพร่หลายและมีผลกระทบสําคัญ มุมมองเชิงลบและการตัดสินที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศ ส่งเสริมความหวาดกลัว ความอับอาย และไม่กล้าเปิดเผยกับแพทย์เพื่อเข้าสู่การตรวจวินิจฉัย การตีตรา อาจทําให้หลายคนหลีกเลี่ยงที่จะเข้าสู่กระบวนการรักษา ซึ่งนําไปสู่การแพร่กระจายของการติดเชื้อ และภาวะแทรกซ้อนด้านสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้ การเลือกปฏิบัติสร้างปัญหาทางอารมณ์ และความโดดเดี่ยวให้กับผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศ และกระทบต่อผลลัพธ์ด้านสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพ การเอาชนะการตีตราเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต้องได้รับการศึกษา ความเข้าใจ และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่สนับสนุน และไม่ตัดสิน ส่งเสริมการให้ความรู้สาธารณะ การเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง และการดูแลสุขภาพทางเพศที่ครอบคลุม