หนองใน แท้กับเทียม แยกอย่างไร

หนองใน แท้กับเทียม แยกอย่างไร

หลายคนรู้จักโรค หนองใน กันอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิด ระหว่างชนิดของหนองใน ว่าเป็นหนองในแท้ หรือหนองในเทียม เพราะทั้งสองชนิดนี้มีอาการและความคล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ หนองในเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างแน่แท้ โดยเฉพาะคนที่มีเซ็กส์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง นอกจากเชื้อไวรัสเอชไอวีที่มีความเสี่ยงสูงแล้ว โอกาสในการติดกามโรค เช่น หนองในแท้ หรือหนองในเทียมก็มีได้มากกว่าด้วย

ประเภทของโรค หนองใน

Love2test

หนองในแท้ ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ เกิดจากการติดเชื้อ Neisseria Gonorrhoeae (ไนอีสซีเรีย โกโนเรีย) มักแสดงอาการหลังมีความเสี่ยงตั้งแต่ 2-10 วันขึ้นไป

หนองในเทียม หรือ Non-Gonococal Urethritis เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่

  • Chlamydia Trachomatis (คลามัยเดีย ทราโคมาติส) ที่ถูกพบมากที่สุด ประมาณ 40%
  • Ureaplasma Urealyticum (ยูเรียพลาสมา ยูเรียไลทิคุม) ถูกพบรองลงมา ประมาณ 30%
  • Ureaplasma Parvum (ยูเรียพลาสมา พาร์วัม)
  • Mycoplasma Genitalium (ไมโคพลาสมา เจนนิทัลเลียม)
  • Mycoplasma Hominis (ไมโคพลาสมา โฮมินิส)

เพศชายจำนวน 30% และเพศหญิงถึง 70% มักไม่แสดงอาการของหนองในเทียมเลย หรือเรียกว่าอยู่ในสภาวะ “การติดเชื้อหนองในที่ไม่มีอาการ” ทำให้ไม่ได้รับการรักษา และยังแพร่เชื้อไปสู่คู่นอนได้ทันที กว่าจะเริ่มมีอาการมักผ่านระยะเวลาไป 2-16 สัปดาห์หลังมีความเสี่ยง

Love2test
หนองใน แท้กับเทียม แยกอย่างไร

อาการของ หนองใน

อาการของหนองในแท้

เพศชาย

“ChatLove2test"
  • ปัสสาวะแสบขัด
  • มีหนองไหลเป็นมูกสีขุ่นหรือสีขาว ออกจากปลายท่อปัสสาวะ

เพศหญิง

  • มีตกขาวผิดปกติ
  • ปัสสาวะแสบขัด
  • มีหนองไหลเป็นมูกสีขุ่นหรือสีขาว ออกจากช่องคลอด

อาการของหนองในเทียม

“PrEPLove2test"

เพศชาย

  • ปวดบวมที่อวัยวะเพศ หรือลูกอัณฑะ
  • ปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะ หรือปัสสาวะขัด
  • มีหนองไหลเป็นมูกสีใส ออกจากปลายท่อปัสสาวะ
  • เจ็บเวลาถ่ายอุจจาระ (หากมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก)

เพศหญิง

  • ปัสสาวะแสบขัด
  • ตกขาวผิดปกติ สีเปลี่ยนไป มีกลิ่นเหม็น
  • มีหนองไหลเป็นมูกสีใส ออกจากช่องคลอด
  • ปวดท้องน้อย มีไข้ ไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว
  • มีเลือดออกกระปริบกระปรอย ทั้งที่ยังไม่มีประจำเดือน
  • เจ็บเวลาถ่ายอุจจาระ (หากมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก)
  • คออักเสบเรื้อรัง และตรวจพบหนองในลำคอ (หากทำออรัลเซ็กส์)

การรักษา หนองใน มีความแตกต่างกันอย่างไร

การรักษาหนองใน แพทย์มักจะใช้ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก และผู้ติดเชื้อควรได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเลือกใช้ยาจำพวก Azithromycin, Cefixime, Ceftriaxone, Gentamicin หากร่างกายสามารถตอบสนองต่อยาได้ดี อาการที่เกิดขึ้นจะค่อยๆ หายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ ระหว่างการรักษาควรงดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 1 สัปดาห์หรือจนกว่าจะหายดี เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อไปยังคู่นอน และควรมีการติดตามผลการรักษาหลังจากนั้นอีกเรื่อยๆ เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายไม่มีเชื้อหนองในอยู่แล้ว

หากคุณไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้เสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น

  • ฝีที่อวัยวะเพศ
  • ลูกอัณฑะอักเสบ
  • หนองปากมดลูก
  • ปากมดลูกอักเสบ
  • ท่อปัสสาวะอักเสบ
  • ติดเชื้อในกระแสเลือด
ไม่อยากติด หนองใน ป้องกันอย่างไร

ไม่อยากติดหนองใน ป้องกันอย่างไร

  • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดหนองใน ไวรัสเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
  • เมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าช่องทางไหนก็ตาม (ช่องคลอด, ทวารหนัก, ทางปาก) ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
  • คนที่มีความเสี่ยงสูง ควรเข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • ไม่ควรใช้ของส่วนตัวร่วมกับใคร แยกของใช้ให้เป็นสัดส่วน เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ชุดชั้นใน ฯลฯ
  • ไม่สัมผัสแผลหนองในของใคร หรือแม้แต่กระทั่งของตนเอง เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อลุกลามไปที่อื่นๆ ของร่างกาย
  • หัดสังเกตอาการของคู่นอนของตนเอง หากพบอาการผิดปกติที่กล่าวไปข้างต้น หรือหากรู้แน่ชัดว่าบุคคลนั้น เป็นหนองในอยู่ ควรงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาให้หายก่อน
  • ศึกษาและเรียนรู้เพื่อที่จะได้เข้าใจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างเข้าใจ

สิ่งสำคัญ ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ คุณไม่ควรทำการรักษาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ และทำการตรวจวินิจฉัยอย่างชัดเจน เพราะทั้งหนองในแท้ และหนองในเทียมมีขั้นตอนการรักษาที่มีความแตกต่างกันไป แพทย์จะเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับอาการเพื่อให้โรคทุเลาลงจนหายได้ในที่สุด การซื้อยามาทาน หรือมาทาบริเวณแผลเอง ส่งผลเสียให้เกิดโรคแทรกซ้อน และอันตรายจากการใช้ยาผิดที่อาจทำให้โรคไม่หายและยังทำให้การรักษายุ่งยากไม่ได้ผลด้วยครับ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม

Similar Posts

  • โรคซิฟิลิสแต่กำเนิด ภัยเงียบที่เริ่มตั้งแต่ในครรภ์

    โรคซิฟิลิสแต่กำเนิด (Congenital Syphilis) คือ ภาวะที่ทารกในครรภ์ได้รับเชื้อซิฟิลิสจากมารดาที่ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ โดยเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum สามารถแพร่ผ่านรกเข้าสู่ร่างกายทารก ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงทั้งในช่วงตั้งครรภ์ ช่วงคลอด และหลังคลอด ซึ่งอาจนำไปสู่การแท้ง ทารกเสียชีวิต หรือมีความพิการแต่กำเนิดอย่างถาวร หากไม่มีการตรวจ และรักษาอย่างทันท่วงที

    ปัจจุบัน ซิฟิลิสแต่กำเนิดยังคงเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ด้วยเหตุที่ผู้หญิงตั้งครรภ์จำนวนหนึ่งไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ และไม่ได้รับการตรวจเลือดหรือรักษาอย่างเหมาะสม การป้องกันโรคนี้สามารถทำได้ง่าย และมีประสิทธิภาพ หากมีการคัดกรอง และรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

  • |

    เซ็กส์ทางทวารหนัก คืออะไร? วิธีทำอย่างไรให้ปลอดภัย และไม่เจ็บ

    เซ็กส์ทางทวารหนัก (Anal Sex) เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคู่รักที่ต้องการความแปลกใหม่ทางเพศ หรือคู่รักเพศเดียวกัน แม้ว่าหลายคนอาจจะยังรู้สึกอายหรือไม่กล้าพูดถึง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายทั่วโลก หากทำอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีความเข้าใจที่ถูกต้อง จะช่วยให้เกิดความสุข และลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • | |

    STI คืออะไร?

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infections; STI)  คือ การติดเชื้อจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ โดยผ่านการจูบ, การสัมผัสหรือถูอวัยวะเพศ, การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก (การใช้ปากกับอวัยวะเพศ), การร่วมเพศ (องคชาตในช่องคลอด องคชาตในทวารหนัก), การใช้เซ็กซ์ทอย รวมถึง การติดเชื้อจากแม่ไปสู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างคลอด และหลังคลอด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยที่สุด เชื้อ HIV โรคหนองใน โรคหนองในเทียม โรคหูดหงอนไก่และเชื้อ HPV โรคเริม โรคซิฟิลิส โรคไวรัสตับอักเสบเอ โรคไวรัสตับอักเสบบี และโรคไวรัสตับอักเสบซี ใครเสี่ยงที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ? การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย กับบุคคลเหล่านี้จะทำให้คุณมีแนวโน้มการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น เช่น คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราว, มีคู่นอนหลายคน หรือมีกิจกรรมทางเพศบ่อย ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับผู้ชายคนอื่น อายุน้อย ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องเพศสัมพันธ์ เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในอดีต ดื่มสุรา  ใช้สารเสพติด เมื่อไหร่ที่ควรมาตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์? มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย (ทั้งผ่านทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางหวารหนัก) มีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่บริเวณอวัยวะเพศของคุณ ได้แก่ องคชาต, ลูกอัณฑะ,…

  • |

    U=U คืออะไร? ทำความเข้าใจเพื่อลดการตีตรา และยกระดับความเข้าใจในสังคม

    ในยุคปัจจุบัน เอชไอวี (HIV) ยังคงเป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ถูกเข้าใจผิด และเป็นสาเหตุของการตีตราในสังคม แม้ว่าความก้าวหน้าทางการแพทย์จะทำให้ผู้มีผลเลือดบวกสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ความเข้าใจผิด และความกลัวที่ไม่สมเหตุสมผลยังคงส่งผลให้หลายคนเลือกที่จะตีตัวออกห่างหรือปฏิเสธการอยู่ร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ การรับรู้ และเข้าใจแนวคิดใหม่ ๆ อย่าง U=U จะช่วยยกระดับทัศนคติที่ดีขึ้น ลดการตีตรา และสร้างความเชื่อมั่นในการใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างไร้กังวล

  • | |

    ประโยชน์ของถุงยางอนามัย

    ถุงยางอนามัยมีความสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิด ในปัจจุบัน มีถุงยางอนามัยให้เลือกใช้ ทั้งแบบสำหรับสตรีและแบบสำหรับบุรุษ  ถุงยางอนามัยคือ? ถุงยางอนามัย (Condom) มาจากภาษาละติน แปลว่า ภาชนะที่รองรับ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายใช้สวมครอบอวัยวะเพศของตนเอง  และเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้เป็นอันดับต้นๆ สำหรับช่วยป้องกันการคุมกำเนิด และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต และพัฒนาถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งที่มีสีสัน ผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ มีกลิ่น และรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกตามากขึ้น ซึ่งแต่ละแบบเน้นวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันไป แนะการใช้ถุงยางอนามัย 4 ขั้นตอน เลือก เก็บ ใช้ ทิ้ง ที่เราทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้ เลือก ให้ถูกไซส์ ถุงยางอนามัยมีหลายขนาด ตั้งแต่ ขนาด 49 มิลลิเมตร ขนาด 52 มิลลิเมตร ขนาด 54 มิลลิเมตร และ ขนาด 56 มิลลิเมตร รวมถึง กลิ่น…

  • | |

    ถุงยางอนามัยผู้หญิง ตัวช่วยป้องกันที่ผู้หญิงควรรู้

    ถุงยางอนามัยผู้หญิง เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ภายในร่างกายของผู้หญิง แม้จะไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย แต่ก็มีประสิทธิภาพสูง และช่วยให้ผู้หญิงมีอิสระ และความมั่นใจในการป้องกันตนเองอย่างปลอดภัย