เอชไอวี เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของคน คือ เซลล์เม็ดเลือดขาวซีดีโฟร์ (CD4 cells) หรือ ทีเซลล์ (T cells) ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ เมื่อเชื้อไวรัสเอชไอวี ทำลายเม็ดเลือดขาว CD4 จนมีปริมาณไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุให้เกิดอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เชื้อเอชไอวี จะมีอยู่ในน้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นช่องคลอด เลือด และน้ำนม โดยเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล หรือผ่านเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ภายในช่องคลอด ทวารหนัก และรูเปิดของอวัยวะเพศชาย
เชื้อไวรัสเอชไอวี สามารถติดต่อได้จาก
- การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด หรือ ทวารหนัก โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ใช้เข็มสัก เข็มเจาะร่างกายร่วมกัน
- โดนเข็มตำ โดยเข็มนั้นมีเลือดที่ติดเชื้อเอชไอวี ปนเปื้อนอยู่
- เลือด น้ำอสุจิ หรือน้ำหล่อลื่นช่องคลอดที่มีเชื้อเอชไอวี ปนอยู่ สัมผัสกับแผลเปิดบนร่างกาย
เชื้อเอชไอวี ไม่สามารถติดต่อผ่าน น้ำลาย ดังนั้นคุณจะไม่ติดเชื้อเอชไอวี ผ่านการจูบ การกินอาหารหรือน้ำดื่มร่วมกัน หรือ การใช้ช้อนส้อมร่วมกัน รวมไปถึงการกอด การจับมือ การไอ การจาม การใช้ห้องน้ำร่วมกัน ก็ไม่ใช่ช่องทางติดต่อของเชื้อเอชไอวี
![CD4 สัมพันธ์ยังไง ในผู้ติดเชื้อเอชไอวี](https://hivthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/1.CD4-สัมพันธ์ยังไง-ในผู้ติดเชื้อเอชไอวี.png)
Table of Contents
CD4 สัมพันธ์ยังไงในผู้ติดเชื้อเอชไอวี?
CD4 (Cluster of differentiation 4) คือ เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่ควบคุม และต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น Glycoprotein อยู่บนผิวเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่ทำงานเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย หรือ T-helper หรือ T-Cell โดยมีหน้าที่ ที่สำคัญมาก คือ ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน ต้านทาน และกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะพวกเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ออกจากร่างกาย
CD4 ในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี มีความสำคัญมาก เพราะว่า เชื้อเอชไอวี ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อมีระบบภูมิคุ้มกันที่ลดต่ำลง เพราะมันไปทำลายภูมิต้านทานในร่างกาย ดังนั้นผู้ติดเชื้อเอชไอวี จำเป็นต้องประเมินภูมิต้านทานของตัวเอง ด้วยการตรวจปริมาณเม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า CD4 เพื่อดูระดับภูมิต้านทานของร่างกาย ซึ่งระดับ CD4 ของผู้ป่วย จะเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับการวางแผนการรักษา และการดูแลตัวเองต่อไป
CD4 ที่เท่าไหร่ถึงเรียกว่าระดับน่าเป็นห่วง ?
ภาวะนี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ที่มีระดับ CD4 ต่ำกว่า 200 ซี่งระบบภูมิคุ้มกัน และเม็ดเลือดขาวถูกทำลายจนไม่สามารถต้านทานโรค ได้ หรือเรียกว่า ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ร่างกายจึงมีโอกาสติดเชื้อต่างๆ ที่เรียกว่า โรคติดเชื้อฉวยโอกาส ได้ง่าย และมีความรุนแรงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
การตรวจ CD4 นำไปใช้ได้อย่างไร?
การตรวจ CD4 ทำได้โดยการเจาะเลือดเช็ก CD4 count โดยค่าที่วัดได้จะบ่งบอกระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย CD4 ยิ่งต่ำ ภูมิยิ่งบกพร่องมาก หรือพูดง่าย ๆ ว่า CD4 ยิ่งต่ำ ยิ่งติดเชื้ออื่น ๆ ได้ง่าย ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อฉวยโอกาสอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น และกลายเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ (AIDs) ในที่สุด
โดยในผู้ป่วยที่มีเชื่อ HIV จะมีการตรวจจำนวน CD4 คู่ไปกับปริมาณไวรัส HIV ในกระแสเลือดเพื่อแปลผลเรื่องต่างๆดังนี้
- เพื่อประเมินความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของผู้ป่วย
- เพื่อการตอบสนองต่อยาต้านไวรัสที่ได้รับในผู้ป่วย
- เพื่อประเมินการรับยาป้องกันเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ ในผู้ป่วยที่มีจำนวน CD4 น้อยมากๆ (เชื้อฉวยโอการคือเชื้อโรคต่างๆเช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ที่จะมีการก่อโรคได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง)
ซึ่งยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี เรียกว่า ยาต้านไวรัส มักจะเป็นสูตรผสมของยาอย่างน้อย 3 ชนิดที่ใช้ในการรักษา เมื่อผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสเข้าไป ยาจะไปยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสเอชไอวี ทำให้ร่างกายค่อยๆสร้างและเพิ่มจำนวนของ CD4 ขึ้นเรื่อยๆจนใกล้เคียงกับคนสุขภาพดี บางครั้งการตรวจหา CD4 จะถูกรายงานเป็นจำนวนที่ตรวจพบ และสัดส่วนของ CD4 ในเซลล์เม็ดเลือดขาวทั้งหมดในร่างกายเพื่อให้ง่ายต่อการแปลผลภูมิคุ้มกันนั่นเอง
![จำเป็นต้องกินอาหารเสริมเพิ่ม CD4 หรือไม่](https://hivthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/2.จำเป็นต้องกินอาหารเสริมเพิ่ม-CD4-หรือไม่.png)
จำเป็นต้องกินอาหารเสริมเพิ่ม CD4 หรือไม่?
จากการที่มีโฆษณาอาหารเสริมช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน หรือ CD4 ในผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้ ทำให้เกิดการเข้าใจผิด และเสียเงินโดยไม่จำเป็น ดังนี้
- ภูมิต้านทาน หรือ CD4 ในร่างกายเปลี่ยนแปลงตลอด สามามรถเปลี่ยนแปลงระหว่างวันก็ได้ โดยค่าปกติ 470 – 1400 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ค่าซีดีโฟร์วันนี้อาจจะ 480 ในอนาคตอาจจะเปลี่ยนแปลงเป็น 960 โดยไม่ต้องกินอาหารเสริมก็ได้
- การกินยาต้านไวรัสรักษาเอชไอวีอย่างถูกต้องก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ลดปริมาณไวรัส และเพิ่ม CD4 ให้ขึ้นเป็นปกติ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้ออาหารเสริมเพิ่ม CD4 มากิน
- สิ่งสำคัญ คือ การกินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ตรงเวลา และสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ ก็ช่วยลดปริมาณไวรัสเอชไอวี และเพิ่มระดับภูมิคุ้มกัน CD4
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ทั้งนี้หากผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีได้รับยาต้านไวรัสก็ ค่า CD4 ก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับและจะเริ่มคงที่อยู่ที่ระดับ 500 – 600 ตามแต่สภาพทางร่างกายของแต่ละคน แต่ถึงอย่างไรแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือผู้ที่มีร่างกายปกติ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนที่เพียงพอก็จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีได้