วิธีป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

แน่นอนว่า เซ็กส์ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ต้องมี แต่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ได้ป้องกันตัวเอง หรือมีการพลั้งเผลอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เราทุกคนจึงควรเรียนรู้วิธีการที่จะมีเซ็กส์อย่างปลอดภัย และห่างไกลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย เพราะไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวคุณเองทั้งนั้น วันนี้ ลองมาอ่านบทความนี้กันดีกว่าว่าคุณจะสามารถเซฟตัวเองไม่ให้เข้าใกล้โรคร้ายได้อย่างไรบ้าง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง

โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ถูกพบมากที่สุด ได้แก่

เอชไอวี

เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Human Immunodeficiency Virus (ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเชียนซีไวรัส) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง จนไม่อาจต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีระยะฟักตัวตั้งแต่ 2-6 สัปดาห์ขึ้นไปถึงจะตรวจพบเชื้อ หรือขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจที่เลือกด้วย ปัจจุบันสามารถตรวจแบบแนท (NAT) ที่หลังมีความเสี่ยงประมาณ 5-7 วัน

โรคหนองในแท้

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria Gonorrhoeae (ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย) อาจมีอาการเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อ ในเพศหญิง จะเกิดอาการตกขาวผิดปกติ มีเลือดออกบริเวณช่องคลอด รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ ส่วนในเพศชาย จะมีหนองสีเขียวหรือเหลืองไหลออกมาจากปลายอวัยวะเพศ ลูกอัณฑะบวม และเจ็บเวลาปัสสาวะ เป็นต้น

โรคหนองในเทียม

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Chlamydia Trachomatis (คลามัยเดียทราโคมาติส) มีอาการคล้ายหนองในแท้ แต่ไม่รุนแรงเท่า และมีระยะฟักตัวที่ยาวนานกว่าหนองในแท้ที่ 2-3 สัปดาห์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง

โรคซิฟิลิส

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Treponema Pallidum (ทริปโปนีมา พัลลิดุม) จะทำให้เกิดผื่นหรือแผลลักษณะเรียบและแข็งที่เรียกว่า แผลริมแข็ง และพัฒนาโรคไปในแต่ละขั้นที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น หากไม่ทำการรักษามีโอกาสที่ผู้ป่วยจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ระบบประสาท หัวใจ สมอง อวัยวะสำคัญต่างๆ ของร่างกายจนในที่สุดอาจเสียชีวิตได้

โรคเริมที่อวัยวะเพศ

เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Herpes Simplex Virus (เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ไวรัส) จะทำให้เกิดตุ่มน้ำใสบริเวณอวัยวะเพศ รู้สึกเจ็บและแสบ เกิดรอยถลอกของผิวหนังหรือเยื่อบุอ่อนรอบอวัยวะเพศ มีระยะฟักตัวแค่ 4-5 วันเท่านั้น และยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะหากไวรัสนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วจะไม่ถูกกำจัดออกไปได้ทั้งหมด

โรคแผลริมอ่อน

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Haemophilus Ducreyi (ฮีโมฟิลุส ดูเครย์) จะเกิดอาการขึ้นหลังจากสัมผัสเชื้อประมาณ 3-7 วัน คือ มีตุ่มนูนแดงบริเวณอวัยวะเพศ และค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นแผลหนอง และแตกออกเมื่อถูกเสียดสี ลักษณะของโรคนี้ยังมีความคล้ายคลึงกับโรคซิฟิลิสอีกด้วย

ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร

ถุงยางอนามัย

การใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถือเป็นเรื่องที่ธรรมดามากในสมัยนี้ ไม่มีใครมาตัดสินใครว่าเราเป็นคนอย่างไรหรอก เพราะคนที่รู้จักป้องกันตัวเอง ถือว่าเป็นคนที่ดูแลสุขภาพดีมาก ที่สำคัญ บางคนไม่มีทางรู้ว่าจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นใจตอนไหน การพกถุงยางอนามัยติดตัวไว้ก็ไม่เสียหาย แต่ก็ควรรู้วิธีใช้ถุงยางที่ถูกต้องด้วย ถึงจะสามารถป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยได้จริงๆ คำแนะนำในการใช้ถุงยางอนามัย มีดังต่อไปนี้

  • เลือกขนาดให้เหมาะสมกับอวัยวะเพศของตัวเอง
  • ตรวจสภาพถุงยางอนามัยก่อนใช้และเช็ควันหมดอายุ
  • แกะใช้ถุงยางอนามัยด้วยความระมัดระวัง
  • สวมถุงยางอนามัยขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่เท่านั้น
  • สวมถุงยางอนามัยไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะยังไม่มีการหลั่งอสุจิก็ตาม
  • ถุงยางอนามัยถูกออกแบบมาให้ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ไม่ควรสวมทับ 2 ชั้น และไม่ควรใช้งานนานเกิน 30 นาที

นอกจากการใช้งานถุงยางอนามัยที่ถูกต้องแล้ว เราควรต้องเก็บมันไว้ให้ถูกที่ด้วย อย่าเก็บไว้ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว หรือมีความชื้นสูง เพราะส่งผลให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพลงได้ง่าย

เจลหล่อลื่น

เจลหล่อลื่น เป็นตัวเสริมความสุขให้กิจกรรมทางเพศเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น รูปแบบของเจลหล่อลื่นมีความแตกต่างกันออกไป มีทั้งแบบชนิดน้ำ ชนิดซิลิโคน และชนิดน้ำมัน ควรศึกษาข้อดีและข้อเสียของเจลหล่อลื่นแต่ละชนิดก่อนเลือกใช้ เพราะบางชนิดก็ไม่เหมาะกับถุงยางอนามัยแต่ละประเภท

ยาเพร็พ (PrEP)

เพร็พ เป็นยาต้านไวรัสเอชไอวีก่อนมีความเสี่ยง มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า PrEP : Pre-Exposure Prophylaxis ยาชนิดนี้จะทานก่อนมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีแนวโน้มว่าจะมีเชื้อเอชไอวี เช่น ผู้ให้บริการทางเพศ คู่นอนแปลกหน้า คู่นอนที่มีผลเลือดต่าง ผู้ใช้สารเสพติดประเภทฉีดเข้าเส้น หรือผู้ที่ไม่อาจสวมถุงยางอนามัยได้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น โดยเพร็พจะช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้กว่าร้อยละ 90 ร่วมกับการสวมถุงยางอนามัยด้วย ซึ่งควรได้รับคำแนะนำและจ่ายยานี้ตามคำสั่งแพทย์ และจะต้องมีการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีก่อน รวมไปถึงตรวจสุขภาพด้านอื่นๆ ว่าจะสามารถเริ่มทานยาได้หรือไม่ โดยผู้ที่ใช้เพร็พจะต้องทานทุกวัน วันละ 1 เม็ดต่อเนื่องประมาณ 30 วัน และควรกลับไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจสุขภาพและติดตามผลเลือดเอชไอวี แต่หากช่วงไหนที่ไม่มีความเสี่ยงแล้วก็สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อขอหยุดยาได้เช่นกัน

ปรับพฤติกรรม

ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย รักเดียวใจเดียว เป็นหนึ่งวิธีสุดคลาสสิกที่ใครๆ ก็ควรทำ เพราะเราไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะได้รับความเสี่ยงมาจากที่ไหน เพราะคู่นอนของเรามีคนเดียว ไม่ต้องมานั่งระแวงระวัง รวมทั้ง ควรเปิดใจกับคู่นอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มาก เพื่อจะได้เติมเต็มความต้องการของกันและกัน โดยไม่ต้องไปหาจากที่อื่นให้เสี่ยงรับโรคมาได้

หลีกเลี่ยงของมึนเมาและสารเสพติด

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดเป็นตัวนำพาให้คุณขาดสติสัมปะชัญญะในการรู้ตัวว่าทำสิ่งใดอยู่ บางคนมีเซ็กส์ขณะที่มึนเมามากๆ จนไม่รู้ว่าได้สวมถุงยางอนามัยป้องกันไว้หรือไม่ หรือบางคนเสพสารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น มีการแชร์เข็มฉีดยาร่วมกันกับเพื่อนๆ ก็ทำให้เสี่ยงรับเชื้อได้โดยที่ไม่ระวัง เพราะฉะนั้น ถ้าหลีกเลี่ยงหรืองดสิ่งเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยให้คุณปลอดจากโรค

ตรวจ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เรียกได้ว่า การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ ถือเป็นวิธีป้องกันโรคได้ดีที่สุด มันแสดงถึงความใส่ใจในสุขภาพทางเพศของตัวคุณเอง เพราะหากตรวจพบโรคเร็ว จะสามารถเริ่มกระบวนการการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอให้แสดงอาการ เพราะบางโรคกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นแล้ว ก็ผ่านระยะเวลานานหลายปี แต่หากตรวจไม่พบโรค จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ในการป้องกันโรคอย่างถูกวิธี รวมทั้งเป็นการยืนยันความมั่นใจให้คุณว่าปลอดภัยจากโรค ที่สำคัญ คุณควรชวนคู่นอนไปตรวจพร้อมกันด้วย

ตรวจ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ถึงแม้ว่า วิธีต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่วิธีที่ปลอดภัย 100% คือ การไม่มีเซ็กส์เลย จริงๆ มันคงเป็นไปได้ยากมาก เพราะคนเราก็ต้องมีความสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น จึงต้องให้ความใส่ใจในเรื่องของการป้องกันโรคเป็นพิเศษ เรียกว่า กันไว้ดีกว่าแก้ทีหลัง เพื่อให้ทั้งคุณและคู่นอนเกิดความสบายใจ ลดปัญหาที่อาจตามมา อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบ หรือสิ่งเร้าอื่นที่ทำให้ขาดสติ มาทำให้เซ็กส์ของคุณไม่ปลอดภัยเลยนะครับ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ